![]()
|
รูปถ่ายสติ๊กเกอร์
ชั่วโมงนี้ถ้าใครยังไม่รู้จัก "รูปถ่ายสติ๊กเกอร์" เห็นทีต้องเก็บข้าวของไปอยู่กับไดโนเสาร์ให้หายเชยสักพัก เพราะรูปถ่ายสติ๊กเกอร์กำลังเป็นที่นิยมของคนแทบทุกรุ่น เดิมก็ฮิตกันหนักในหมู่วัยรุ่น แต่เดี๋ยวนี้ขยายกว้างขึ้นอีก มีทั้งลูกค้าเด็ก ๆ แบบที่ต้องต่อเก้าอี้ยืนถ่ายรูป จนถึงคุณยายที่หลาน ๆ ต้องช่วยกันประคองมาถ่ายรูป ซึ่งกระแสความแรงนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงแต่อย่างใด
มาดูเรื่องสนนราคาก็เห็นว่าหนักหนาเอาการ ค่าบริการครั้งหนึ่ง ๆ ก็เกือบ ๆ ร้อยต่ำสุดประมาณ 70 บาท ถ้าเป็นเครื่องสีเหลือง ค่าบริการขั้นต่ำก็ 90 บาท ส่วนเครื่องสีขาวชมพูตกแผ่นละ 120 บาท บางเครื่องถ้าถ่ายมากกว่า 1 คน ก็คิดเพิ่มตามหัว ราคาประมาณ 100 - 150 บาท ซึ่งอัตราที่ยกมาเล่าให้ฟังกันนี้ ก็จะแตกต่างกันในแต่ละร้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบของสติ๊กเกอร์ เช่น แบบธรรมดาที่ประกอบด้วยรูปเล็ก ๆ 16 รูป ราคาอยู่ที่ 70 บาท แบบที่มีหลายลายในแแผ่นเดียว ราคาประมาณ 80 - 100 บาท ถ้าเป็นหลายชนิดในแผ่นเดียว ราคาอยู่ที่ 100 - 120 บาท หรือขนาดที่ยาวพิเศษที่เรียกว่าพาโนรามาก็ 100 บาท เป็นต้น สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ทำสติ๊กเกอร์ จะพบเห็นได้มากในจำนวนเกือบเท่า ๆ กับแบบตู้ มีความพิเศษกว่าแบบที่เป็นตู้ ตรงที่มีลายกรอบให้เลือกเป็นร้อย ๆ เลือกกันจนตาลายกันหลายตลบอาจจะยังไม่ถูกใจก็ได้ แต่เมื่อปิ๊งลายไหนแล้วก็บอกพนักงานที่คอยบริการ จากนั้นก็พร้อมแอ๊กท่าถ่ายรูป โดยพนักงานจะใช้กล้องดิจิตอลที่ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เก็บภาพหน้าหล่อหน้าสวยของเราและนอกจากนี้ยังสามารถเอารูปถ่ายที่มีอยู่แล้วมาสแกนทำสติ๊กเกอร์ก็ได้ จากนั้นก็นั่งรออีก 10 - 15 นาที ก็จะได้เห็นสติ๊กเกอร์สวยสมใจ รูปถ่ายสติ๊กเกอร์ด้วยคอมพิวเตอร์นี้ราคาจะถูกกว่าแบบตู้
เพราะมีการแข่งขันด้านราคากันมาก
โดยจะกดราคาให้ต่ำเข้าไว้
เพื่อดึงดูดลูกค้า เมื่อเดินไปตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ หรือตามศูนย์การค้าที่เป็นแหล่งรวมของบรรดานักช้อปและผู้คนที่ไปเดินเล่นพักผ่อน จะพบว่า บริการถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ทั้งแบบที่เป็นตู้และแบบเป็นคอมพิวเตอร์ผุดขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ด ทั้งนี้เพราะกิจการดังกล่าวทำกำไรให้กับผู้ที่กระโจนเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ผู้ประกอบการรายหนึ่งกล่าวว่า ซื้อตู้ในราคาถูกสุดประมาณ 2 - 3 แสนบาท จนถึงแพงที่สุดเกือบ 8 แสนบาท ถ้าลายถูกใจลูกค้า ใช้เวลาไม่เกินสองเดือนก็คุ้มแล้ว พอลายเริ่มเก่าก็หาลายหรือกรอบภาพใหม่ หาลูกเล่นแปลก ๆ เข้ามาใช้ เพียงแค่ 2 เดือนก็คืนทุนได้เกือบหมดแล้วและนอกจากนี้ถ้ากลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯ เริ่มตันแล้วก็ส่งขายต่อไปต่างจังหวัด ทำเงินได้อีกนาน
ในภาวะที่บ้านเมืองกำลังประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เสียงอุแว้ของเด็กคนหนึ่งหมายถึงการรับภาระหนี้สินที่เกิดจากการไปกู้เงินต่างประเทศ ทุกวันนี้คนไทยมีหนี้สินรุงรังจนน่ากลัวว่า แม้สิ้นลมหายใจสุดท้ายก็ไม่อาจใช้หนี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ได้ รัฐบาลพยายามส่งเสริมการส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศ
เพื่อให้เงินตราหมุนกลับมาเจือจานเศรษฐกิจที่อ่อนระโหยโรยแรงอย่างนี้ ลองนึกภาพประเทศไทยที่เป็นเด็กผอมโซ แขนขาลีบ และยังต้องถูกดูดเอาอาหารหล่อเลี้ยงออกไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า น่าสังเวชใจแค่ไหน จากเรื่องดังกล่าวสะท้อนการถ่ายสติ๊กเกอร์เป็นความพึงพอใจของแต่ละบุคคล หากจะไปห้ามปรามหรือควบคุม ก็คงเป็นการก้าวล่วงในสิทธิของแต่ละคนที่พึงมี แต่เหตุที่ต้องหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นคุยกันเพราะกลัวว่าเราจะว่ายวนอยูในกระแสความคลั่งไคล้นานจนเกินไป ซึ่งหมายถึงเงินจำนวนมากมายที่ต้องสูญเสียไป เพื่อซื้อความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะตรงนั้น บางทีน่าจะได้เวลาขีดเส้นจบสำหรับความสนุกสนานในแบบนี้ และเริ่มมองหาความแปลกใหม่ที่สนุกสนานยิ่งกว่า แล้วเงินทองที่ออกไปเดินเล่นในต่างประเทศ ก็จะกลับมาอุ่นใจในบ้านเมืองเรา ไม่ต้องบริจาคทอง หรือทอดกฐินกับหลวงตามหาบัวช่วยชาติ เพียงแค่ลดการถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ลงบ้าง ก็ช่วยชาติได้โขแล้วล่ะ |
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี